ประโยชน์ด้านสุขภาพของ “มิโซะ” หนึ่งในอาหารญี่ปุ่นที่คุ้นเคย

27 กุมภาพันธ์ 2024 0 Comments

มิโซะ เป็นผลิตภัณฑ์อาหารญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นเนื้อข้น ๆ รสเค็มอมหวาน มีสีเหลืองอ่อนจนถึงสีน้ำตาลเข้ม ได้จากการหมักถั่วเหลือง ข้าว หรือข้าวบาร์เลย์ กับโคจิ (Koji) ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดหนึ่ง ใช้เวลาหมักประมาณ 1-3 ปี

มิโซะมีหลากหลายชนิด ขึ้นอยู่กับชนิดของถั่วเหลือง ข้าว หรือข้าวบาร์เลย์ที่ใช้หมัก และระยะเวลาในการหมัก โดยชนิดของมิโซะที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ได้แก่

มิโซะ

  • โคเมะมิโซะ (Kome miso) : ทำจากข้าวหมักกับโคจิ มีลักษณะสีเหลืองอ่อน รสไม่เข้มข้นมาก
  • มูกิมิโซะ (Mugi miso) : ทำจากข้าวบาร์เลย์หมักกับโคจิ มีลักษณะสีน้ำตาลอ่อน รสเข้มข้นกว่าโคเมะมิโซะ
  • มาเมะมิโซะ (Mame miso) : ทำจากถั่วเหลืองหมักกับโคจิ มีลักษณะสีน้ำตาลเข้ม รสเข้มข้นที่สุด

มิโซะนิยมนำมาประกอบอาหารญี่ปุ่นหลายชนิด เช่น ซุปมิโซะ เต้าหู้มิโซะ ทาโกะยากิ และอุด้งมิโซะ นอกจากนี้ มิโซะยังนิยมนำมารับประทานเป็นอาหารว่าง หรือใช้เป็นส่วนผสมในน้ำจิ้มต่าง ๆ

มิโซะอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร วิตามินบี 12 และสารต้านอนุมูลอิสระ จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน ดังนี้

มิโซะ

  • ช่วยระบบย่อยอาหาร มิโซะมีโปรไบโอติกส์ (Probiotics) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันอาการท้องผูก ท้องเสีย และลดความเสี่ยงของโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มิโซะมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคติดเชื้อต่าง ๆ
  • ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง มิโซะมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยป้องกันเซลล์จากการกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็ง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งปอด
  • ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด มิโซะมีสารอาหารหลายชนิดที่ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด เช่น โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม และวิตามินบี 12 ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน และโรคหลอดเลือดสมอง
  • ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ มิโซะมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายของอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของเซลล์และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคอัลไซเมอร์และโรคพาร์กินสัน

อย่างไรก็ตาม มิโซะมีโซเดียมค่อนข้างสูง ดังนั้นควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรรับประทานมากเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิตสูง

 

 

ขอขอบคุณ

ภาพ :istockphoto

ข้อมูล www.sanook.com