5 ความเชื่อสุดอันตราย ที่ “ไม่เข้าท่า” ในการเสริมความงาม

17 กุมภาพันธ์ 2024 0 Comments

เรื่องความสวยความงามเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าใครๆ ต่างก็ต้องการ แต่ความเชื่อบางอย่างก็สุดแสนจะอันตราย จนแทบจะเรียกได้ว่า “สรรหาทำ” เพราะไม่ได้คำนึงถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตนเองเลย

เพราะหลายคนมองว่า คนเราสามารถสวยงามได้โดยไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย แต่หารู้ไม่ว่าวิธีพิสดารๆ นี้ อาจทำให้ตายก่อนได้สวยก็ได้ Tonkit360 จึงได้รวบรวม 5 ความเชื่อสุดอันตรายที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย มากล่าวเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลาย ๆ คนได้รู้ว่า “อย่าหาทำ” เพราะมัน “เสี่ยงตาย” อยากผอมไปออกกำลังกายและคุมอาหาร อยากสวยไปแต่งหน้าหรือทำหน้าจะเข้าท่ากว่า


1. จับผึ้งต่อยปากเพื่อปากรูปกระจับ

เรื่องที่มีคนเล่นพิเรนทร์ล่าสุดที่เป็นข่าวไปหมาด ๆ กับการที่มีคลิปวิดีโอแนะนำการทำปากกระจับอย่างเร่งด่วนโดยไม่ต้องศัลยกรรม ด้วยการ “ใช้ผึ้งต่อยปาก” ทั้ง ๆ ที่ก็น่าจะรู้กันดีว่าการถูกผึ้งต่อยนั้นเจ็บปวดแค่ไหน และเหล็กในของผึ้งก็มีพิษเป็นสารจำพวกโปรตีนและสารอินทรีย์หลายชนิด อย่างที่เราเคยอบรมการปฐมพยาบาลคนที่ถูกผึ้งต่อย ให้รีบเอาเหล็กในออก เพราะเหล็กในที่ยังติดอยู่กับเนื้อจะยังบีบตัวไปเรื่อย ๆ พิษจึงเข้าสู่ผิวหนังอย่างต่อเนื่อง

พิษของผึ้งมีลักษณะเป็นของเหลว ไม่มีสี รสขม มีฤทธิ์เป็นกรด เป็นพิษต่อระบบประสาทที่ทำให้เกิดอาการปวดเฉียบพลัน มีผลต่อระบบไหลเวียนเลือด ทำให้ความดันเลือดต่ำ เลือดไม่แข็งตัว และยังทำให้เกิดอาการอักเสบรุนแรง คนที่แพ้มาก ๆ จะระคายเคืองที่ผิวหนัง รู้สึกปวดแสบปวดร้อน มีรอยบวมแดง เป็นผื่นลมพิษ อักเสบ ในบางคนที่มีอาการแพ้ก็จะมีอาการอ่อนเพลีย แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หัวใจเต้นแรง คอบวม คลื่นไส้อาเจียน มีไข้ หรือมีอาการชัก ซึ่งถึงตายได้เลย

2. ใช้กาวตราช้างลอกสิวเสี้ยน
หยุด หยุดเดี๋ยวนี้เลย ย้อนกลับไปดูเลยว่าวัตถุประสงค์ของกาวตราช้างไม่ได้มีไว้ใช้กับใบหน้าเสียหน่อย แต่ใช้ยึดติดวัสดุเข้าด้วยกันต่างหาก เรื่องนี้อาจจะมีคนเข้าใจผิดว่ากาวตราช้างเป็นกาวชนิดเดียวกันกับกาวสังเคราะห์ที่ใช้สำหรับติดเนื้อเยื่อในทางการแพทย์ แต่…แม้ว่ากาวทั้งสองจะสังเคราะห์ได้จากสารประเภทเดียวกัน แต่มีโครงสร้างทางเคมีต่างกัน ความอันตรายจึงต่างกันด้วย

สารเคมีในกาวร้อนคือ เอธิล ไซยาโนอะคริเลต เมื่อกาวตราช้างมาถูกที่มือ เรายังรู้สึกแสบร้อน ดังนั้นอย่าลืมว่าผิวหน้าของเราบอบบางกว่ามือ สารเคมีแรงขนาดนี้จึงใช้กับหน้าไม่ได้ หากหน้าโดนกาวตราช้างเข้าจะทำให้เกิดการระคายเคือง ถ้าแพ้ขึ้นมาอาจทำให้สิวเห่อขึ้น ผิวลอกเรื้อรัง หรือถ้ากาวติดกับผิวหนังแล้วลอกไม่ดี ผิวสวย ๆ จะได้ลอกติดมือมาด้วย เป็นแผลเลือดไหลซิบ ๆ ซึ่งคงไม่คุ้มแน่นอนที่จะรักษากันยาว ๆ  อีกทั้งการสูดดมไอของสารนี้ก็ยังทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อทางเดินหายใจได้อีกด้วย

3. ขาวไว ขาวเร็ว ใช้ครีมเถื่อน
มีข่าวให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ครีมกระปุกเถื่อนประเภท “กวนเอง ขายเอง” ซึ่งครีมประเภทนี้ล้วนมีแต่สารพิษที่เป็นอันตรายรุนแรงต่อร่างกาย คือ ตะกั่วและปรอท ทั้งสองเป็นโลหะหนักมีพิษ มักใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น ทำแบตเตอรี่ (ขนาดแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพแล้ว เวลาทิ้งยังรวมกับขยะอื่นไม่ได้เลย) ทำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำกระสุนปืน ทำสีทาบ้านอะไรเทือก ๆ นั้น

อันที่จริง การใช้โลหะหนักมาเป็นสารที่ทำให้ผิวขาวมีประวัติมากว่า 2,000 ปีแล้ว แต่คนสมัยก่อนยังไม่รู้ ซึ่งพิษจากการได้รับโลหะหนักนั้นทำให้เบื่ออาหาร ปวดท้องรุนแรง คลื่นไส้อาเจียน โลหิตจาง หรือมีภาวะเลือดเป็นพิษ ร่วมกับอาการมึนงง เท้าชามือชา เป็นอัมพาตที่กล้ามเนื้อ หากโดนตาตาบอด แถมพิษสะสมของตะกั่วและปรอทก็ยังทำให้เป็นมะเร็งได้ ในรายที่ได้รับพิษปริมาณสูงเฉียบพลันคือตายได้เลย ดังนั้นคนคลั่งขาวทั้งหลายต้องระมัดระวังให้มาก อยากสวยอยากขาว ต้องดูดี ๆ เพราะอาจจะอยู่ไม่ทันสวยก็ได้


4. อาหารเสริมทั้งหลาย

ถ้าเพียงแต่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เราก็อาจจะแค่เสียดายเงิน เสียความรู้สึก แต่ถ้ามีส่วนผสมของสารเคมีอันตราย ก็อาจจะเสียชีวิตไปก่อนเลยก็เป็นได้ อย่างเช่นที่เคยเป็นข่าวดังเมื่อหลายปีก่อน “ยาลดความอ้วนมรณะ” ที่มีการผสมสารไซบูทรามีน ซึ่งเป็นสารเคมีอินทรีย์ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ลดการทำลายสารสื่อประสาทอย่างซิโรโทนิน นอร์อีพิเนฟริน และโดปามีน ที่เป็นสารที่กระตุ้นให้รู้สึกหิว จึงส่งผลทำให้มีความรู้สึกไม่หิวหรืออิ่มเร็วขึ้น ได้รับมาก ๆ เกิดภาวะไตวาย

ส่วนอีกข่าวคือ เมื่อ 2-3 ปีก่อน ในกรณีของ “เครือข่ายเมจิกสกิน” ที่เป็นบริษัทผลิตอาหารเสริมและเครื่องสำอางแบบผิดกฎหมาย แถมยังสวมเครื่องหมายอย.ปลอมอีกต่างหาก ไม่เพียงแค่นั้น ยังสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการใช้ดาราคนดังมาโฆษณา อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ซึ่งเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค และมีการพบสารบางตัวที่มีอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้เกิดภาวะไตวาย ถึงตายได้เหมือนกัน

5. จัดฟันแฟชั่น
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เทรนด์การจัดฟันของวัยรุ่นเป็นที่นิยมมาก เพราะให้ภาพลักษณ์ที่ดูน่ารักเวลายิ้ม โดยอาจจะลืมไปว่าวัตถุประสงค์หลักในการจัดฟันก็เพื่อทำให้ฟันที่เกผิดที่ผิดทางกลับเข้าที่ที่มันควรจะอยู่ แต่กลับมองเป็นเรื่องของความสวยความงามซะได้ บางคนที่ฟันเรียงเป็นปกติ แต่อยากจะมีกิมมิกน่ารัก ๆ บ้าง ก็ถึงขั้นไปพบทันตแพทย์เพื่อขอจัดฟัน ซึ่งก็ถูกปฏิเสธกลับมา เมื่อจัดฟันแบบที่ปลอดภัยไม่ได้ก็ต้องไปหาวิธีจัดฟันแบบแฟชั่นแทน

เดิมการจัดฟันแฟชั่นจะใช้ลวดเส้นเล็ก ๆ ร้อยลูกปัดสีต่าง ๆ ซึ่งอาจพบการปนเปื้อนของสารปรอท สีที่กินไม่ได้ อีกทั้งยังพบสารเคมีรุนแรงอย่างตะกั่ว สารหนู แคดเมียม จนคณะกรรมการผู้บริโภคต้องออกประกาศห้ามผลิตและจัดจำหน่าย ต่อมามีการใช้เครื่องมือจัดฟันจริงหรือปลอมแปลงแบบไม่ได้มาตรฐานขึ้นมา ซึ่งอุปกรณ์เหล่านั้นทำให้เกิดการติดเชื้อได้ เนื่องจากขั้นตอนการทำไม่สะอาด วัสดุไม่ปลอดภัย และคนทำไม่ใช่แพทย์

อันตรายอีกอย่าง คือวัสดุที่ไม่ปลอดภัยเหล่านี้ เป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดบาดแผลในปาก ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอันตราย หรือไปทำให้เคลือบฟันตามธรรมชาติบางลง และเป็นอันตรายหากอุปกรณ์เล็ก ๆ ที่ไม่มีมาตรฐานเหล่านั้นหลวม จนหลุดลงคอไปได้

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล :https://tonkit360.com/,คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล,โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์,คลังสมุนไพร,MTEC,sanook.com