5 เคล็ดลับสุขภาพดี กินดี อยู่ดี ฟิตหุ่น สำหรับชาวออฟฟิศ
ปัจจุบันชีวิตของคนวัยทำงานหรือพนักงานออฟฟิศก็ยังอยู่กับความเร่งรีบ ไม่จะเป็นเรื่องการเดินทาง การรีบทำงานให้ทันกำหนดส่ง ความเครียดจากการประชุมต่าง ๆ อีกทั้งในปัจจุบันที่ยังเป็นยุคโควิดทำให้บางคนอาจจำเป็นที่จะต้องทำงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home ทำให้คนวัยทำงานแทบไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลย ทั้งในเรื่องของอาหารการกินที่อาจจะเลือกกินอาหารที่ไม่ค่อยดีกับสุขภาพ จนอาจจะทำให้ขาดสารอาหารบางตัวได้ หรือไม่มีเวลาแม้แต่จะออกกำลังกายหรือพักผ่อนให้เพียงพอ และนี่คือ 5 เคล็ดลับสุขภาพดี โดยการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ เป็นเทคนิคง่าย ๆ ที่จะทำให้สุขภาพของคนวัยทำงานดีขึ้นกว่าเดิม
5 เคล็ดลับสุขภาพดีสำหรับชาวออฟฟิศ ทั้งการเลือกกินอาหารและพฤติกรรมที่เหมาะสม
1. กินอาหารให้ครบมื้อและสำคัญอย่าลืมมื้อเช้า
โดยทั่วไปแล้วคนวัยทำงานจะมีความต้องการพลังงานอยู่ที่ 1,800 – 2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน โดยแบ่งกระจายไปตามมื้อต่าง ๆ ทั้งมื้อหลักและมื้อว่าง แต่ด้วยความเร่งรีบของคนวัยทำงานอาจทำให้พนักงานออฟฟิศ หลายคนอาจไม่มีเวลาเพียงพอต่อการกินอาหารมื้อเช้า ซึ่งจากการศึกษาจะพบว่าหากมีการอดอาหารมื้อเช้านั้นจะทำให้ร่างกายไม่พร้อมต่อการทำงาน เช่น สมองเบลอ ไม่มีสมาธิในการทำงานจากความรู้สึกหิว และทำให้การเลือกกินอาหารในมื้อกลางวันที่ไม่ดีต่อสุขภาพได้ เช่น การกินปริมาณเยอะเกินไป การเลือกอาหารที่มีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน จำนวนมาก เป็นต้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการขาดสารอาหารที่จำเป็น และก่อให้เกิดการได้รับพลังงานเกินจำนวนมากจนเกิดโรคอ้วนได้ในที่สุด ดังนั้นการเลือกกินอาหารที่มีประโยชนตั้งแต่มื้อเช้าจะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารที่ช่วยให้พร้อมทำงานได้ตลอดวัน
2.กินมื้อกลางวันแบบไม่กลัวอ้วน
หลักการเลือกเมนูมื้อกลางวันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพง่าย ๆ เพียงแค่ใช้หลักการแบ่งสัดส่วนจานสุขภาพแบบง่าย ๆ โดยให้จำง่าย ๆ ว่า 2 1 1 ควบคู่ไปกับหลักการลดกิน หวาน มัน เค็ม โดยให้จำง่าย ๆ ว่า 6 6 1 คือ
- 2 1 1: แบ่งสัดส่วนจานอาหาร คือ กินอาหารให้มีผักเป็นครึ่งหนึ่งของจาน (2 ส่วน) และเป็นเนื้อสัตว์กับข้าว-แป้ง อีก 1 ใน 4 ของจาน (อย่างละ 1 ส่วน)
- 6 6 1: ลด หวาน มัน เค็ม คือ กินน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา ไขมันไม่เกิน 6 ช้อนชา และเกลือหรือความเค็มต่าง ๆ ไม่เกิน 1 ช้อนชา ต่อวัน
อีกทั้งการเลือกเมนูให้เฮลตี้ขึ้น เช่น การเปลี่ยนจากไข่เจียวเป็นไข่ต้ม เลือกหมูชิ้นไม่ติดมันแทบหมูสับ เลือกเมนูเนื้อสัตว์ไม่ติดหนัง หรือเลือกเมนูที่ใช้การต้ม นึ่ง ยำ ย่าง แทนการผัดและทอด เป็นต้น
3. ดื่มน้ำเปล่าให้ได้วันละ 8 แก้ว
นอกเหนือจากการกินอาหารที่มีประโยชน์แล้ว การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ส่งเสริมความจำ อารมณ์และส่งผลกับการทำงานของสมอง รวมไปถึงช่วยลดความเครียดลงได้ เพราะถ้าหากเราดื่มน้ำไม่เพียงพอจะทำให้สมองกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนคอร์ติซอล ที่จะทำให้เกิดความเครียดมากขึ้น ดังนั้นคนวัยทำงานอย่าลืมดื่มน้ำให้ครบ 8 แก้วต่อวันหรือ 1.5 ลิตรต่อวัน โดยอาจจะพกน้ำขวดใหญ่และจิบไปเรื่อย ๆ ตลอดวัน หรือตั้งนาฬิกาเตือนให้หมั่นดื่มน้ำในทุก ๆ ชั่วโมงก็ได้เช่นกัน โดยดื่มน้ำเปล่าก็จะดีที่สุด โดยจากการศึกษายังค้นพบอีกว่า
- หากดื่มน้ำเพิ่มขึ้นประมาณ 1 แก้วใหญ่ (300 มิลลิลิตร) จะมีส่วนช่วยในเรื่องความจำระยะสั้นได้
- หากดื่มน้ำเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 12 แก้ว ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการตอบสนองของร่างกาย ความจำระยะสั้นและจิตใจ
รวมไปถึงเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคนที่ดื่มน้ำอย่างเพียงพอกับคนที่ดื่มน้ำน้อย พบว่าคนที่ดื่มน้ำอย่างเพียงพอมีอารมณ์ที่ดีและการนอนหลับที่ดีกว่าด้วย อีกพฤติกรรมของชาวออฟฟิศคือมักนั่งท่าเดิมนาน ๆ จนลำไส้ไม่ค่อยได้ขยับ น้ำเปล่าจึงมีส่วนช่วยให้ทางเดินอาหารทำงานได้สะดวกขึ้น ป้องกันท้องผูกได้อีกด้วย แต่สำหรับคนที่ชอบเครื่องดื่มที่มีรสชาติควรเลือกดื่มเป็นเครื่องดื่มหวานน้อย เครื่องดื่มสูตรที่ไม่มีน้ำตาล เช่น ชาเขียวสูตรหวานน้อย ชาเขียวสูตรไม่มีน้ำตาล น้ำอินฟิวส์ (Infused Water) หรือน้ำแช่ผลไม้ ที่จะช่วยให้น้ำมีกลิ่นหอมของผลไม้เมื่อดื่ม ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดื่มน้ำให้เพียงพอได้เช่นกัน
4. ถ้าต้องยิงยาว หาอะไรรองท้องสักหน่อย
สำหรับคนวัยทำงานที่มีงานด่วนทำให้ต้องเลิกงานช้า หรือติดประชุมจนค่ำ อาจจะมีอาการหิวมาก ๆ ในช่วงเย็นแน่ ๆ ซึ่งจะส่งผลทำให้กินอาหารมากกว่าปกติ ดังนั้นถ้าหากรู้ว่าตัวเองต้องมีประชุมหรือต้องทำงานยิงยาวกว่าปกติ อาจเตรียมเลือกซื้อของว่างติดไม้ติดมือไว้สักหน่อย โดยอาหารว่างที่ดีต่อสุขภาพและยังช่วยแก้หิวได้ เช่น เครื่องดื่มธัญพืช ผลไม้รสหวานน้อย นม ผลิตภัณฑ์จากนม นมถั่วต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งอาหารว่างเหล่านี้นอกจากจะมีสารอาหารที่หลากหลาย ยังช่วยให้อยู่ท้องไม่ต้องกลัวหิวระหว่างประชุมหรือระหว่างทำงาน แต่อย่ากินมากจนเกินไปเพื่อไม่ให้ได้รับพลังงาน น้ำตาล และไขมันที่มากเกินไป
5. พักเบรกเคลื่อนไหว คลายปวดเมื่อย
ด้วยการทำงานของพนักงานออฟฟิศในปัจจุบันคือการนั่งพิมพ์งานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ทำให้ไม่ค่อยได้ขยับตัวไปไหน และยังต้องเพ่งสายตาไปที่หน้าจออาจทำให้รู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายหรือตาล้าได้ ดังนั้นเมื่อเกิดอาการปวดเมื่อยตามตัวก็ควรขยับร่างกายหรือยืดเส้นยืดสายให้ได้ทุกชั่วโมง เช่น ท่ายืดไหล่ คือ การยืดแขนข้างหนึ่งไปทางด้านข้างทำมุม 45 องศา แล้วใช้แขนอีกข้างพับแขนขึ้นมาหาตัว ดึงแขนให้ตึงที่สุดเพื่อยืดเส้นบริเวณหัวไหล่ แล้วหันหน้าไปฝั่งตรงกันข้ามแขน ค้างไว้ประมาณ 10 – 20 วินาที และท่าท่ายืดกล้ามเนื้อคอ โดยยกแขนขวาแล้วโอบไปจับที่หูข้างซ้าย แล้วค่อย ๆ เอียงคอไปทางขวาจนรู้สึกว่ากล้ามเนื้อคอตึง แล้วค้างไว้ประมาณ 10 – 15 วินาที จากนั้นเปลี่ยนสลับข้างอีก 5 – 10 ครั้ง เป็นต้น และถ้าหากรู้สึกตาล้าก็สามารถมองออกไปที่ท้องฟ้าไกล หรือเดินไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเพื่อเป็นการบริหารจัดการอารมณ์ไม่ให้เครียดและกดดันมากเกินไป อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มการเคลื่อนไหวในกิจวัตรประจำวันอีกด้วย
แม้คนวัยทำงานหรือพนักงานออฟฟิศจะยุ่งจนไม่มีเวลามากแค่ไหน แต่ก็ควรแบ่งเวลากับการดูแลสุขภาพด้วย โดยทั้ง 5 เคล็ดลับสุขภาพดี โดยการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์และการผ่อนคลายที่เล่ามานี้ ช่วยให้คนวัยทำงานหลาย ๆ คน สามารถดูแลสุขภาพได้ในชีวิตประจำวันได้แบบง่าย ๆ หรือจะนำไปปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการทำงานแบบ Work From Home ก็ได้เช่นกัน และที่สำคัญอย่าลืมดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ ควบคู่กับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และคอยบริหารอารมณ์ให้สดใสในทุก ๆ วันด้วย และสำหรับชาวออฟฟิศที่อยากดูแลสุขภาพให้ฟิตยิ่งขึ้น สามารถไปดูรวมเคล็ดลับที่เหมาะกับวิถีชีวิต ในแบบ 3อ.MEสไตล์ คลิก เพื่อให้ทำงานอย่างสนุก พร้อมมีความสุขกับร่างกายที่แข็งแรง
ที่มาข้อมูล www.nestle.co.th